บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3

วันพุธที่ 30
 มกราคม พ.ศ.2562

ความรู้ที่ได้รับ

        บทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร

   🔺 ผู้นำ (Leader) หมายถึง บุคคลที่มีศิลป บุคลิกภาพ ความสามารถ เหนือบุคคลทั่วไป สามารถชักจูงให้ผู้อื่นปฏิบัติตามที่ต้องการได้
   🔺 ความเป็นผู้นำ (Leadership) เป็นกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และต้องมีทักษะมีความสามารถในการบริหารหน้าที่ด้วย
ประเภทของผู้นำ
1.ผู้นำตามอำนาจหน้าที่ จำแนกผู้นำประเภทนี้ออกเป็น 3 แบบ คือ
➠ ผู้นำแบบใช้พระเดช (Legal Leadership)
     ผู้นำแบบนี้เป็นผู้นำที่ได้อำนาจในการปกครองบังคับบัญชาตามกฎหมายมีอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ราชการมาหรือเกิดขึ้นจากตัวผู้นั้น
➠ ผู้นำแบบใช้พระคุณ (Charismatic Leadership)
     ผู้นำที่ได้อำนาจเกิดขึ้นจากบุคลิกภาพอันเป็นคุณสมบัติส่วนตัวของผู้นั้น ได้มาจากแรงศรัทธาที่ก่อให้ผู้อยู่ใต้บังคับเกิดความเคารพนับถือและเป็นพลังที่จะช่วยผลักดันให้ร่วมจิตร่วมใจกัน ปฏิบัติตามคำสั่งแนะนำด้วยความเต็มใจ
➠ ผู้นำแบบพ่อพระ (Symbolic Leadership)

     ผู้นำที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายมิได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการปกครองบังคับบัญชา บุคคลเหล่านั้นปฏิบัติตามเพราะเกิดแรงศรัทธา หรือสัญญาลักษณ์ในตัวของผู้นั้นมากกว่า
2.ผู้นำตามการใช้อำนาจ
 ➠ ผู้นำแบบเผด็จการ   (Autocratic Leadership) หรือ อัตนิยม
ใช้ช้อำนาจต่าง ๆ ที่มีอยู่ในการสั่งการแบบเผด็จการโดยรวบอำนาจ ไม่ให้โอกาสแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
➠ ผู้นำแบบเสรีนิยม (Laisser-Faire Leadership) หรือ Free-rein Leadership
ผู้นำแบบนี้เกือบไม่มีลักษณะเป็นผู้นำเหลืออยู่เลย คือ ปล่อยให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทำกิจการใด ๆ ก็ตามได้โดยเสรี ซึ่งการกระทำนั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และตนเป็นผู้ดูแลให้กิจการดำเนินไปได้โดยถูกต้องเท่านั้น
➠ ผู้นำแบบประชาธิปไตย (Democratic Leadership)
ผู้นำแบบนี้ เป็นผู้นำที่ประมวลเอาความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากคณะบุคคลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาที่มาประชุมร่วมกัน และนำความคิดที่ดีที่สุดมาใช้
3.ผู้นำตามบทบาทที่แสดงออก จำแนกเป็น  3 แบบ คือ
➠ ผู้นำแบบบิดา-มารดา (Parental Leadership)
   ผู้นำแบบนี้ ปฏิบัติตนเหมือนพ่อ-แม่
➠ ผู้นำแบบนักการเมือง  (Manipulater Leadership)
     ผู้นำแบบนี้พยายามสะสมและใช้อำนาจ
➠ ผู้นำแบบผู้เชี่ยวชาญ  (Expert Leadership)
     เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้เฉพาะอย่าง
ศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัย Michigan ได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้นำ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1. ผู้นำที่มุ่งคน (Employee Oriented) คือผู้นำที่เน้นความมีสัมพันธภาพที่ดีกับพนักงาน กับบุคคลทั่วไป ยอมรับฟังความคิดเห็นของพนักงาน
2. ผู้นำที่มุ่งงาน (Production Oriented) เน้นวิธีการปฏิบัติงานและผลงานที่จะได้ มองพนักงานเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เกิดผลงาน
คุณสมบัติของผู้นำ
1. มีความเฉลียวฉลาด    
2. มีการศึกษาอบรมดี    
3. มีความเชื่อมั่นใจตนเอง  
4. เป็นคนมีเหตุผลดี    
5. มีประสบการณ์ในการปกครองบังคับบัญชาเป็นอย่างดี  
6. มีชื่อเสียงเกียรติคุณ  
7. สามารถเข้ากับคนทุกชั้นวรรณะได้เป็นอย่างดี
8. มีสุขภาพอนามัยดี  
9. มีความสามารถเหนือระดับความสามารถของบุคคลธรรมดา
10. มีความรู้เกี่ยวกับงานทั่ว ๆ ไปขององค์กร หรือหน่วยงานที่ตนปฏิบัติอยู่โดยเฉพาะ
11. มีความสามารถเผชิญปัญหาเฉพาะหน้า ที่จะเกิดขึ้นในขณะปฏิบัติงานให้ได้ทันท่วงที    
12. มีความสามารถคาดการณ์
ภาวะผู้นำ (Leadership)
1. ผู้นำโดยกำเนิด ผู้นำประเภทนี้ เกิดมาก็มีคุณลักษณะบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำ อาจสืบทอดโดยตำแหน่ง หรือโดยบุญบารมีที่ได้สั่งสมกันมาเป็นเวลานาน
2. ผู้นำที่มีความอัจฉริยะ ผู้นำประเภทนี้เกิดขึ้นได้เพราะเป็นผู้มีความสามารถเป็นอัจฉริยะ ได้รับการศึกษาพัฒนาปรับตัวเข้าสู่การเป็นผู้นำ
3. ผู้นำที่เกิดขึ้นตามสายงานบริหาร ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ประสบความสำเร็จก็จะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
4. ผู้นำตามสถานการณ์ เป็นผู้นำที่เกิดขึ้นแบบมีทีมงานเป็นส่วนใหญ่ มีความใฝ่ใจสูง เน้นการบริหารงานให้ได้ทั้งคนและทั้งงาน
ผู้บริหารแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ
1. ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการ  (Line Manager)
2. ผู้บริหารทำหน้าที่ให้คำแนะนำ  (Staff  Manager)
3. ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการเฉพาะด้าน  (Functional Manager)
4. ผู้บริหารทั่วไป  (General Manager)
5. ผู้บริหาร (Administrator)
ระดับผู้บริหารและอำนาจหน้าที่
1. ผู้บริหารหรือหัวหน้างานระดับต้น First – Line Manager
 ทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมงานเท่านั้นจัดการงานเท่าที่ได้รับคำสั่งให้ทำ
2.  ผู้บริหารระดับกลาง  (Middle Managers)
3.  ผู้บริหารระดับสูง (Top Managers)





ระบบการบริหาร  (Management System)
ระบบการบริหารแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
ระบบเปิด (Open system) เป็นองค์การซึ่งดำเนินภายในและมีการปฏิสัมพัทธ์ (interacts) กับสภาวะ            แวดล้อมทั้งภายในและภายนอก
 ระบบปิด (Closed System) เป็นระบบที่ไม่ต้องการอิทธิพลใด ๆ จากภายนอกและไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภาวะ แวดล้อมต่าง ๆ ธุรกิจมักจะมองแต่ภายในองค์การของตนเอง

หลักในการจัดรูปแบบของการบริหารงานยุคใหม่
รูปแบบที่  1 บริหารงานแบบอัตตาธิปไตย  คือ  การถือตนเอง  ความคิดเห็นหรือวิธีการของตนเองเป็นใหญ่
รูปแบบที่  2 บริหารงานแบบโลกาธิปไตย  คือ การถือคนอื่นเป็นใหญ่  ไม่มีจุดยืนของตนเอง
รูปแบบที่  3  บริหารงานแบบธรรมาธิปไตย  คือ การถือธรรมหรือหลักการและเหตุผลเป็นสำคัญ

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้

  ทำให้เข้าใจลักษณะของผู้บริหาร ในอนาคตหากเราไปเป็นผู้บริหาร สามารถนำไปใช้ได้

ประเมินผล

ตนเอง : เข้าเรียนตรงต่อเวลา ตั้งใจเรียน
เพื่อน : มีการจดบันทึก มีพูดคุยกันบ้างบางครั้ง
อาจารย์ : สอนเข้าใจ มีการเตรียมการสอนมาอย่างดี

                                                       
                             

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น